ช็อกโก แคลซีน ไฮท์พลัส กิฟฟารีน (รสช็อกโกแลต ) วิตามินเด็ก แคลเซียมเด็ก อาหารเสริมเด็กกิฟฟารีน อาหารเสริมเด็กเพิ่มความสูง วิตามินเด็กกิฟฟารีน แคลเซียมเด็กเพิ่มความสูง อาหารเสริมเด็ก Choco Calcine Giff นมอัดเม็ดกิฟฟารีน

ช็อกโก แคลซีน ไฮท์พลัส กิฟฟารีน ( นมอัดเม็ดตัวใหม่ ) รสช็อกโกแลต กิฟฟารีน เม็ดอมชนิดเคี้ยวกิฟฟารีน แคลซีนกิฟฟารีน แคลซีนรสช็อกโกแล วิตามินเด็ก อาหารเสริมเด็ก Giffarine Choco Calcine High Plus 

แคลเซียม (Calcium) คืออะไร

แคลเซียม (Calcium) เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง สนับสนุนการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ช่วยในการแข็งตัวของเลือด และสนับสนุนการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูงและการได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดีของเด็กในระยะยาว

แคลเซียม (Calcium) มีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไรบ้าง

แคลเซียม (Calcium) เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงวัยเด็กที่อยู่ในระยะการเจริญเติบโต แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในหลายๆ ด้านของสุขภาพและการพัฒนาของเด็ก ดังนี้:

ประโยชน์ของแคลเซียมต่อเด็ก

1. เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

แคลเซียมเป็นส่วนประกอบหลักของกระดูกและฟัน การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอช่วยให้กระดูกและฟันของเด็กเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง 

2. สนับสนุนการเจริญเติบโต

ในช่วงวัยเด็ก ร่างกายมีการสร้างกระดูกใหม่อย่างต่อเนื่อง การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของร่างกาย

3. ช่วยในการหดตัวของกล้ามเนื้อ

แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อ รวมถึงการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้ระบบกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างปกติ

4. ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท

แคลเซียมมีส่วนช่วยในการส่งสัญญาณประสาท ทำให้ระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทและการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ

5. ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด

แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ซึ่งเป็นกระบวนการที่จำเป็นสำหรับการหยุดเลือดเมื่อมีบาดแผล

6. สนับสนุนการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ

แคลเซียมเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกาย ที่มีบทบาทในกระบวนการเผาผลาญอาหารและการทำงานของเซลล์

เด็กในช่วง วัยปีทอง Growth Spurt คืออะไร

"ช่วงวัยปีทอง" หรือ "Growth Spurt" คือช่วงเวลาที่เด็กมีการเจริญเติบโตทางร่างกายอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น ๆ ช่วงเวลานี้สามารถเกิดขึ้นได้หลายครั้งในระหว่างการพัฒนาและเจริญเติบโตของเด็ก โดยเฉพาะในช่วงวัยเด็กตอนต้นและวัยรุ่น การเติบโตที่รวดเร็วนี้ครอบคลุมทั้งการเจริญเติบโตทางความสูง น้ำหนัก และการพัฒนาของกล้ามเนื้อและกระดูก

ลักษณะของ Growth Spurt

1. การเจริญเติบโตทางความสูง

เด็กอาจสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ ความสูงอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน

2. การเพิ่มน้ำหนัก

นอกจากความสูงแล้ว น้ำหนักตัวของเด็กก็อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น

3. การพัฒนากล้ามเนื้อและกระดูก

กล้ามเนื้อและกระดูกของเด็กจะพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในรูปร่างและลักษณะของร่างกาย

ช่วงเวลาของ Growth Spurt

วัยทารก: ช่วงปีแรกของชีวิตเป็นช่วงที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาก เด็กอาจสูงขึ้นและน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงนี้

วัยเด็กตอนต้น (Preschool years): ช่วงอายุ 2-5 ปี เป็นช่วงที่การเจริญเติบโตยังคงต่อเนื่องแต่ไม่รวดเร็วเท่าปีแรก

วัยเรียน (School age): ช่วงอายุ 6-12 ปี การเจริญเติบโตจะเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ

วัยรุ่น (Adolescence): ช่วงอายุ 12-18 ปี เป็นช่วงที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเริ่มแรกของวัยรุ่น การเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้รวมถึงการเจริญเติบโตทางความสูงและการพัฒนาลักษณะทางเพศรอง

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Growth Spurt

โภชนาการ : การได้รับสารอาหารที่เพียงพอและสมดุลมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต การได้รับโปรตีน แคลเซียม วิตามินดี และสารอาหารอื่น ๆ ในปริมาณที่เหมาะสมช่วยส่งเสริมการเติบโต

พันธุกรรม : ลักษณะการเจริญเติบโตของเด็กมักจะสอดคล้องกับลักษณะทางพันธุกรรมของพ่อแม่

ฮอร์โมน : ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone) และฮอร์โมนเพศ (เช่น เอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรน) มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเจริญเติบโต

การนอนหลับ : การนอนหลับเพียงพอและมีคุณภาพดีเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากฮอร์โมนการเจริญเติบโตจะถูกปล่อยออกมาในระหว่างการนอนหลับลึก

กิจกรรมทางกาย : การออกกำลังกายและการทำกิจกรรมทางกายช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ

ช่วงวัยปีทองหรือ Growth Spurt เป็นช่วงเวลาที่เด็กมีการเจริญเติบโตทางร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญต่อการพัฒนาทั้งทางความสูง น้ำหนัก และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก การดูแลให้เด็กได้รับโภชนาการที่เพียงพอ การนอนหลับที่ดี และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตในช่วงเวลานี้

ปริมาณแคลเซียมที่เด็กควรได้รับ

ปริมาณแคลเซียมที่เด็กควรได้รับต่อวันจะแตกต่างกันไปตามอายุ:

เด็กอายุ 1-3 ปี: ประมาณ 700 มิลลิกรัมต่อวัน

เด็กอายุ 4-8 ปี: ประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน

เด็กอายุ 9-18 ปี: ประมาณ 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน

ข้อควรระวัง

ปริมาณที่เหมาะสม: การได้รับแคลเซียมในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น นิ่วในไตหรือการขัดขวางการดูดซึมของแร่ธาตุอื่นๆ ดังนั้นควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

การเสริมแคลเซียม : หากเด็กไม่ได้รับแคลเซียมเพียงพอจากอาหาร อาจพิจารณาการเสริมแคลเซียม 

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง สนับสนุนการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ช่วยในการแข็งตัวของเลือด และสนับสนุนการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูงและการได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดีของเด็กในระยะยาว

แคลเซียมเด็กยี่ห้อไหนดี

แนำนำ ช็อกโก แคลซีน ไฮท์ พลัส กิฟฟารีน เม็ดอมชนิดเคี้ยว รสช็อกโกแลต

 ส่วนประกอบสำคัญ

• แคลเซียมสูง 400 มก./ 2เม็ด
• วิตามินดีสูง, สังกะสีสูง, ทองแดงสูง และมีแมกนีเซียม
• ไม่ใส่น้ำตาล
• 0 กิโลแคลอรี 

เลขที่ อย. / จดแจ้ง: 13-1-03440-6-0019

ปริมาณบรรจุ: 40.00 เม็ด

น้ำหนักรวม: 83.84 กรัม

จำนวน: 1 ชิ้น

วิธีใช้ เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน วันละ 2 เม็ด