น้ำมันปลา กิฟฟารีน (500 มก./50 แคปซูล) Fish-oil Giffarine มีกรดไขมันโอเมก้า-3 DHA : บำรุงสมอง เพิ่มสมาธิ ความจำ EPA : ลดอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือด ลดความดันสูง ลดความหนืดข้นของเลือด บำรุงหัวใ น้ำมันปลา Fish Oil
- หมวดหมู่ วิตามินเด็ก ,อาหารเสริมผู้ใหญ่ ,อาหารเสริม ,ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก
- กลุ่มสินค้า น้ำมันปลา Fish Oil
- ยี่ห้อ GIFFARINE พีวี180PV IDGM-10
- นโยบายการคืนเงิน
- โปรโมชั่น ยอดสั่งซื้อเกิน 300 บาท จัดส่งฟรี !!
- ส่งด่วน
น้ำมันปลา กิฟฟารีน ขนาด 500 มก./50 แคปซูล Fish-oil Giffarine มีกรดไขมันโอเมก้า-3 DHA : บำรุงสมอง เพิ่มสมาธิ ความจำ EPA : ลดอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือด ลดความดันสูง ลดความหนืดข้นของเลือด บำรุงหัวใจ บารุงสายตา.
น้ำมันปลา กิฟฟารีน
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันปลา ผสมวิตามิน อี น้ำมันปลาคุณภาพ สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกที่มี EPA และ DHA ครบ น้ำมันปลา 500 มก. ผสมวิตามิน อี 2,080 มก. (1,200 หน่วยสากล/กรัม) เม็ดเล็ก กลืนง่าย ประกอบด้วย: กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 90 มก. กรดโดโอซาเฮกซาอีโนอิก (ดีเอชเอ) 60 มก.
ไขความลับ ทำไม..น้ำมันปลาดีมีโประโยชน์ และนิยมมากกว่าน้ำตับปลา? ( คลิกวีดีโอรับชม )
ไขความลับ กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลา (Fish Oil) ทำไม..น้ำมันปลาดีมีโประโยชน์ และนิยมมากกว่าน้ำตับปลา? กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลามีอะไรบ้าง น้ำมันปลาดีและมีโประโยชน์ต่อทุกช่วงวัยอย่างไร ควรเลือกน้ำปลาแบบไหน : ถาม-ตอบ ข้อข้องใจเกี่ยวกับน้ำมันปลา โดย พ.ต.ท.นพ มั่น อุดมพาณิชย์.
น้ำมันปลา (Fish Oil) 500 มก. สรรพคุณ
น้ำมันปลา มีส่วนประกอบสำคัญคือ โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่จำเป็นต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย และร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง ต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น โดยโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันที่สำคัญ 2 ชนิด คือ EPA และ DHA มีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้
- ช่วยบำรุงสมอง ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง การเรียนรู้ และความจำ ป้องกันความเสื่อมของสมอง
- ช่วยให้เซลล์สมองแข็งแรง
- ช่วยให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้สะดวกขึ้น
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์สมอง
- ช่วยพัฒนาด้านการมองเห็น ป้องกันความเสื่อมของระบบสายตา
- ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้
- ช่วยลดความหนืดข้นของเลือดได้
- ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
- ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
- ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมองอุดตัน
- ช่วยลดอาการปวดอักเสบต่างๆ บรรเทาอาการข้อเสื่อม รวมทั้งข้ออักเสบรูมาตอยด์ในคนสูงอายุได้.
ประโยชน์ของน้ำมันปลาสำหรับ นักเรียนและนักศึกษา:
น้ำมันปลา (Fish Oil) ที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) โดยเฉพาะ DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) มีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพของนักเรียนและนักศึกษา โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาสมองและการเสริมสมรรถภาพทางการเรียนรู้ ซึ่งช่วยให้สามารถทำงานด้านการเรียนรู้และการจดจำได้ดีขึ้น.
1. ช่วยพัฒนาการทางสมอง
2. เสริมสร้างสมาธิและการโฟกัส
3. ลดความเครียดและความวิตกกังวล
4. ช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกาย
5. เพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูหลังจากการใช้งานสมองหนัก.
น้ำมันปลามีประโยชน์ต่อสมองและสุขภาพร่างกายของนักเรียนและนักศึกษาในหลายๆ ด้าน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ความจำ การโฟกัส และสมาธิ รวมถึงช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลอารมณ์ การบริโภคโอเมก้า-3 จากน้ำมันปลาเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้นักเรียนมีศักยภาพทางการเรียนที่ดีขึ้น.
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำมันปลา
น้ำมันปลา เป็นน้ำมันที่สกัดได้มาจากปลา มีส่วนประกอบสำคัญคือ โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่จำเป็นต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย และร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง ต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น โดยโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันที่สำคัญ 2 ชนิด คือ EPA และ DHA
กรดไขมัน EPA (Eicosapentaenoic Acid)
• มีส่วนช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้
• ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมองอุดตัน
• ช่วยลดอาการปวดอักเสบต่างๆ บรรเทาอาการข้อเสื่อม รวมทั้งข้ออักเสบรูมาตอยด์ในคนสูงอายุได้
กรดไขมัน DHA (Docosahexaenoic Acid)
• ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง การเรียนรู้ และความจำ ป้องกันความเสื่อมของสมอง
• ช่วยให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้สะดวกขึ้น จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์สมอง
• ช่วยพัฒนาด้านการมองเห็น ป้องกันความเสื่อมของระบบสายตา จึงมีประโยชน์ในผู้ที่ทำงานใช้สายตาหนักเป็นประจำ
ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ว่า น้ำมันปลา คือหนึ่งในอาหารเสริมสุขภาพที่ให้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค ให้ผลดีมากในการลดไขมันในเลือด และ ลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันสูง และโรคเบาหวาน
จากการศึกษาพบว่า น้ำมันปลาสามารถลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้ถึง 19-24% นอกจากนี้น้ำมันปลายังช่วยเพิ่มปริมาณของ HDL (High Density Lipoprotein) ซึ่งจะทำให้มีการเก็บคอเลสเตอรอลในเลือดและผนังหลอดเลือดกลับสู่ตับ และเปลี่ยนเป็นน้ำดีเพื่อขับออกนอกร่างกาย
• จากการทดลองพบว่าน้ำมันปลาสามารถใช้เป็นอาหารเสริมร่วมกับยาที่ใช้อยู่เพื่อลดการบวมและอักเสบของข้อได้
• น้ำมันปลาช่วยในโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน (Coronary Heart Disease) โดยกลไกของการจับตัวของเกร็ดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนคล่องขึ้น
• สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้บางชนิด
• ช่วยลดความเครียด
ในประเทศญี่ปุ่น ช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผลงานวิจัยแสดงผลอย่างชัดเจนว่าสาร DHA ในน้ำมันปลานั้นมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง ช่วยบำรุงสมองให้ทำงานดีขึ้น และเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท
คำถามเกี่ยวกับน้ำมันปลา
Q: โอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา แตกต่างจากโอเมก้า 6 อย่างไร?
A: โอเมก้า 3 และ 6 เป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนทั้งคู่ โดย:
• โอเมก้า 3 มักพบอยู่ในอาหารจำพวกปลาและอาหารทะเล ทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการอักเสบ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ป้องกันโรคหัวใจ ป้งอกันมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม
• โอเมก้า 6 มักพบอยู่ในน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดการอักเสบ และอาจเกิดโรคร้ายต่างๆตามมา
Q: เราสามารถได้รับโอเมก้า 3 จากแหล่งไหนได้บ้าง และมีวิธีการเลือกทานอย่างไร?
A: แหล่งของโอเมก้า 3 มีอยู่ 2 แหล่ง ดังนี้
• โอเมก้า 3 จากปลาทะเล ให้สารสำคัญในรูปของ EPA และ DHA
• โอเมก้า 3 จากพืช เช่น น้ำมันถั่วดาวอินา น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ เป็นต้น ที่ให้สารสำคัญในรูปของ ALA แนะนำในผู้ที่แพ้ปลา หรืออาหารทะเล โดย ALA จะต้องถูกเปลี่ยนเป็น EPA และ DHA ก่อน จึงจะดูดซึมไปใช้ได้ ดังนั้นโอเมก้า 3 จากปลาทะเลจะถูกดูดซึมและนำไปใช้ได้ไวกว่า
Q: น้ำมันปลาช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้อย่างไร?
A: น้ำมันปลาช่วยลดระดับไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) และลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้
Q: น้ำมันปลาช่วยลดการอักเสบได้อย่างไร เมือเทียบกับยาต้านการอักเสบ?
A: ยาต้านอักเสบ จะไปยับยั้งขั้นตอนสุดท้ายของการอักเสบ แต่น้ำมันปลาจะไปยับยั้งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นการยับยั้งที่ต้นเหตุ จึงมีความปลอดภัยและได้ผลดีกว่า สามารถทานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องหยุดเหมือนยาต้านอักเสบ
Q: ประโยชน์อื่นๆของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา มีอะไรบ้าง?
A: ประโยชน์อื่นๆของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา มีดังนี้
• ลดภาวะซึมเศร้าได้ โดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลายเซโรโทนิน (Serotonin)
• ป้องกันและรักษาโรคกล้ามเนื้อถดถอยอ่อนแรง (Sarcopenia) ในกลุ่มผู้สูงอายุได้
• ช่วยให้มีการเรียนรู้และความทรงจำที่ดีขึ้น และมีประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ
Q: ประโยชน์โดยรวมของน้ำมันปลามีอะไรบ้าง?
A: ประโยชน์ด้านอื่นๆของน้ำมันปลามีดังนี้
• ช่วยให้คิดไวขึ้น ความจำดี สมองสดชื่น ไม่อ่อนล้า
• ป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์
• ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอรไรด์ และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
• ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี
• ป้องกันหลอดเลือดอุดตันจากการจับตัวของเกล็ดเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดและสมองได้
• ช่วยลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดการอักเสบและบวมของข้อได้
Q: ใครสามารถทานน้ำมันปลาได้บ้าง?
A: น้ำมันปลาให้โอเมก้า 3 ซึ่งร่างกายเราไม่สามารถสร้างขี้นเองได้ ดังนั้นจึงสามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่างๆ
Q: ในแต่ละช่วงวัยต้องทานน้ำมันปลาเท่าไหร่ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน?
ช่วงอายุ EPA + DHA (mg) Fish Oil (mg) คิดเป็นแคปซูล
2 – 4 ปี 100 – 150 300 – 500 500 มก. 1 แคปซูล
4 – 6 ปี 150 – 200 500 – 670 500 มก. 1 แคปซูล
6 – 10 ปี 200 – 250 670 – 830 500 มก. 1- 2 แคปซูล
มากกว่า 10 ปี 250 – 2,000* 830 – 6,670 1,000 มก. 1 – 7 แคปซูล
Q: ในการรับประทานน้ำมันปลา มีข้อห้าม ข้อควรระวังหรือไม่?
A: ข้อห้าม ข้อควรระวัง ของการทานน้ำมันปลามีดังนี้:
• ควรหลีกเลี่ยงการเสริมน้ำมันปลาในผู้ป่วยที่ได้ยาต้านเกร็ดเลือด (เช่น แอสไพริน) และยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น วาร์ฟาริน)
• ผู้ที่แพ้อาหารทะเล มักแพ้โปรตีนจากอาหารจึงสามารถทานน้ำมันปลาได้ แต่หากมีความผิดปกติ เช่นผื่นผิวหนัง คลื่นไส้ ไม่สบายท้อง ก็ต้องหยุดทาน
Q: ในการเลือกซื้อน้ำมันปลา เราควรพิจารณาจุดใดบ้าง
A: เราควรพิจารณาจาก:
• น้ำมันปลาที่ดีต้องมี DHA และ EPA ในสัดส่วนที่เหมาะสม คือ DHA:EPA = 1:2 หรือ 2:3
• ใน 1,000 มก. ควรมี DHA + EPA มากกว่า 200 มก.
• น้ำมันปลาต้องนำเข้าจากประเทศที่เป็นแหล่งของปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง
• มีคุณภาพตามมาตรฐานของเภสัชและมาตรฐาน GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3)
• ต้องผลิตจากโรงงานที่เชื่อถือได้ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP, BRP, และ ISO 9001
น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก.
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา 500 มก. (ตรา กิฟฟารีน) Fish Oil 500 mg. Dietary Supplement Product (Giffarine Brand)
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล : น้ำมันปลา 500 มก. ประกอบไปด้วยกรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 90มก. กรดโดโอซาเฮกซาอีโนอิก (ดีเอชเอ) 60 มก. วิตามินอี(2.29 หน่วยสากล/กรัม) 1.53 มก.
น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก. เลขที่ อย.
น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก. ฉลากจดแจ้งเลขที่ อย.13-1-03337-5-0005.
น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก. วิธีทาน
สำหรับเด็ก ทานวันละ 1- 2 แคปซูล พร้อมอาหาร
สำหรับ ผู้ใหญ่ ทานครั้งละ 1- 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหาร .
น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก./50 แคปซูล ราคา
ปริมาณบรรจุ: 50.00 แคปซูล น้ำหนักรวม: 65.00 กรัม จำนวน: 1 ชิ้น ราคา 240 บาท.
บริษัท ธ.ธนาโชติ อินเตอร์ แนชชั่นแนล 1977 จำกัด
รหัสสมาชิก 85021964
เก็บเงินปลายทาง
สั่งเกิน 300 บาทจัดส่งฟรี
สั่งออนไลน์ 24 ชม
สั่งออนไลน์ได้ตลอด
มั่นใจในคุณภาพสินค้า
ของแท้ 100%
มีการรับประกัน
เปลี่ยนตัวใหม่ทันที
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage:Pregnancygiffarine
โทร:086-369-5097
แอดไลน์:@thmc
การสมัครสมาชิก
สมัครสมาชิก แบบผู้ใช้สินค้า
- รับสิทธิ์ ส่วนลดพิเศษทันทีจากผลิตภัณฑ์2000รายการ
- มีโปรโมชั่นพิเศษทุกเดือน
- สิทธิพิเศษด้านอื่นๆมากมาย
สมัครสมาชิก แบบทำออนไลน์
- รายได้เสริม
- ธุรกิจออนไลน์
สอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 086-369-5097
เว็บไซต์นี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการการวินิจฉัย รักษาหรือให้คำแนะนำทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ บริการ ข้อมูลและเนื้อหาอื่นๆ ที่มีให้บนเว็บไซต์รวมถึงข้อมูล ที่อาจปรากฎบนเว็บไซต์โดยตรงหรือโดยการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของบุคคลที่สามนั้น จัดทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น โปรดปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ เกี่ยวกับตัวเลือกการวินิจฉัย หรือการรักษาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์หรือสุขภาพ