น้ำมันปลา กิฟฟารีน (500 มก./50 แคปซูล) Fish-oil Giffarine มีกรดไขมันโอเมก้า-3 DHA : บำรุงสมอง เพิ่มสมาธิ ความจำ EPA : ลดอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือด ลดความดันสูง ลดความหนืดข้นของเลือด บำรุงหัวใ น้ำมันปลา Fish Oil

ราคา 240 พิเศษ 192 บาท

กลุ่มสินค้า น้ำมันปลา Fish Oil

 น้ำมันปลา กิฟฟารีน ขนาด 500 มก./50 แคปซูล Fish-oil Giffarine มีกรดไขมันโอเมก้า-3 DHA : บำรุงสมอง เพิ่มสมาธิ ความจำ EPA : ลดอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือด ลดความดันสูง ลดความหนืดข้นของเลือด บำรุงหัวใจ บารุงสายตา.


น้ำมันปลา กิฟฟารีน 

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันปลา ผสมวิตามิน อี น้ำมันปลาคุณภาพ สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกที่มี EPA และ DHA ครบ น้ำมันปลา 500 มก. ผสมวิตามิน อี 2,080 มก. (1,200 หน่วยสากล/กรัม) เม็ดเล็ก กลืนง่าย ประกอบด้วย: กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 90 มก.  กรดโดโอซาเฮกซาอีโนอิก (ดีเอชเอ) 60 มก.



ไขความลับ ทำไม..น้ำมันปลาดีมีโประโยชน์ และนิยมมากกว่าน้ำตับปลา? ( คลิกวีดีโอรับชม ) 

ไขความลับ กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลา (Fish Oil) ทำไม..น้ำมันปลาดีมีโประโยชน์ และนิยมมากกว่าน้ำตับปลา? กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลามีอะไรบ้าง น้ำมันปลาดีและมีโประโยชน์ต่อทุกช่วงวัยอย่างไร ควรเลือกน้ำปลาแบบไหน : ถาม-ตอบ ข้อข้องใจเกี่ยวกับน้ำมันปลา โดย พ.ต.ท.นพ มั่น อุดมพาณิชย์.


น้ำมันปลา (Fish Oil) 500 มก. สรรพคุณ

น้ำมันปลา มีส่วนประกอบสำคัญคือ โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่จำเป็นต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย และร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง ต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น โดยโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันที่สำคัญ 2 ชนิด คือ EPA และ DHA มีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้

  1. ช่วยบำรุงสมอง ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง การเรียนรู้ และความจำ ป้องกันความเสื่อมของสมอง
  2. ช่วยให้เซลล์สมองแข็งแรง
  3. ช่วยให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้สะดวกขึ้น
  4. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์สมอง
  5.  ช่วยพัฒนาด้านการมองเห็น ป้องกันความเสื่อมของระบบสายตา 
  6. ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด
  7. ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้
  8. ช่วยลดความหนืดข้นของเลือดได้
  9. ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
  10. ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น 
  11. ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมองอุดตัน
  12. ช่วยลดอาการปวดอักเสบต่างๆ บรรเทาอาการข้อเสื่อม รวมทั้งข้ออักเสบรูมาตอยด์ในคนสูงอายุได้.


ประโยชน์ของน้ำมันปลาสำหรับ นักเรียนและนักศึกษา:

น้ำมันปลา (Fish Oil) ที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) โดยเฉพาะ DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) มีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพของนักเรียนและนักศึกษา โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาสมองและการเสริมสมรรถภาพทางการเรียนรู้ ซึ่งช่วยให้สามารถทำงานด้านการเรียนรู้และการจดจำได้ดีขึ้น.

1. ช่วยพัฒนาการทางสมอง

2. เสริมสร้างสมาธิและการโฟกัส

3. ลดความเครียดและความวิตกกังวล

4. ช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกาย

5. เพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูหลังจากการใช้งานสมองหนัก.


 น้ำมันปลามีประโยชน์ต่อสมองและสุขภาพร่างกายของนักเรียนและนักศึกษาในหลายๆ ด้าน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ความจำ การโฟกัส และสมาธิ รวมถึงช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลอารมณ์ การบริโภคโอเมก้า-3 จากน้ำมันปลาเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้นักเรียนมีศักยภาพทางการเรียนที่ดีขึ้น.



เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำมันปลา

น้ำมันปลา เป็นน้ำมันที่สกัดได้มาจากปลา มีส่วนประกอบสำคัญคือ โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่จำเป็นต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย และร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง ต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น โดยโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันที่สำคัญ 2 ชนิด คือ EPA และ DHA



กรดไขมัน EPA (Eicosapentaenoic Acid)

 • มีส่วนช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้

 • ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมองอุดตัน

 • ช่วยลดอาการปวดอักเสบต่างๆ บรรเทาอาการข้อเสื่อม รวมทั้งข้ออักเสบรูมาตอยด์ในคนสูงอายุได้



กรดไขมัน DHA (Docosahexaenoic Acid)

 • ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง การเรียนรู้ และความจำ ป้องกันความเสื่อมของสมอง

 • ช่วยให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้สะดวกขึ้น จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์สมอง

 • ช่วยพัฒนาด้านการมองเห็น ป้องกันความเสื่อมของระบบสายตา จึงมีประโยชน์ในผู้ที่ทำงานใช้สายตาหนักเป็นประจำ


ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ว่า น้ำมันปลา คือหนึ่งในอาหารเสริมสุขภาพที่ให้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค ให้ผลดีมากในการลดไขมันในเลือด และ ลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันสูง และโรคเบาหวาน


จากการศึกษาพบว่า น้ำมันปลาสามารถลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้ถึง 19-24% นอกจากนี้น้ำมันปลายังช่วยเพิ่มปริมาณของ HDL (High Density Lipoprotein) ซึ่งจะทำให้มีการเก็บคอเลสเตอรอลในเลือดและผนังหลอดเลือดกลับสู่ตับ และเปลี่ยนเป็นน้ำดีเพื่อขับออกนอกร่างกาย

 • จากการทดลองพบว่าน้ำมันปลาสามารถใช้เป็นอาหารเสริมร่วมกับยาที่ใช้อยู่เพื่อลดการบวมและอักเสบของข้อได้

 • น้ำมันปลาช่วยในโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน (Coronary Heart Disease) โดยกลไกของการจับตัวของเกร็ดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนคล่องขึ้น

 • สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้บางชนิด

 • ช่วยลดความเครียด


ในประเทศญี่ปุ่น ช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผลงานวิจัยแสดงผลอย่างชัดเจนว่าสาร DHA ในน้ำมันปลานั้นมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง ช่วยบำรุงสมองให้ทำงานดีขึ้น และเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท


คำถามเกี่ยวกับน้ำมันปลา


Q: โอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา แตกต่างจากโอเมก้า 6 อย่างไร?

A: โอเมก้า 3 และ 6 เป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนทั้งคู่ โดย:


 • โอเมก้า 3 มักพบอยู่ในอาหารจำพวกปลาและอาหารทะเล ทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการอักเสบ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ป้องกันโรคหัวใจ ป้งอกันมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม

 • โอเมก้า 6 มักพบอยู่ในน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดการอักเสบ และอาจเกิดโรคร้ายต่างๆตามมา


Q: เราสามารถได้รับโอเมก้า 3 จากแหล่งไหนได้บ้าง และมีวิธีการเลือกทานอย่างไร?

A: แหล่งของโอเมก้า 3 มีอยู่ 2 แหล่ง ดังนี้


 • โอเมก้า 3 จากปลาทะเล ให้สารสำคัญในรูปของ EPA และ DHA

 • โอเมก้า 3 จากพืช เช่น น้ำมันถั่วดาวอินา น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ เป็นต้น ที่ให้สารสำคัญในรูปของ ALA แนะนำในผู้ที่แพ้ปลา หรืออาหารทะเล
โดย ALA จะต้องถูกเปลี่ยนเป็น EPA และ DHA ก่อน จึงจะดูดซึมไปใช้ได้ ดังนั้นโอเมก้า 3 จากปลาทะเลจะถูกดูดซึมและนำไปใช้ได้ไวกว่า


Q: น้ำมันปลาช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้อย่างไร?

A: น้ำมันปลาช่วยลดระดับไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) และลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้


Q: น้ำมันปลาช่วยลดการอักเสบได้อย่างไร เมือเทียบกับยาต้านการอักเสบ?

A: ยาต้านอักเสบ จะไปยับยั้งขั้นตอนสุดท้ายของการอักเสบ แต่น้ำมันปลาจะไปยับยั้งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นการยับยั้งที่ต้นเหตุ จึงมีความปลอดภัยและได้ผลดีกว่า สามารถทานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องหยุดเหมือนยาต้านอักเสบ


Q: ประโยชน์อื่นๆของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา มีอะไรบ้าง?

A: ประโยชน์อื่นๆของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา มีดังนี้


 • ลดภาวะซึมเศร้าได้ โดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลายเซโรโทนิน (Serotonin)

 • ป้องกันและรักษาโรคกล้ามเนื้อถดถอยอ่อนแรง (Sarcopenia) ในกลุ่มผู้สูงอายุได้

 • ช่วยให้มีการเรียนรู้และความทรงจำที่ดีขึ้น และมีประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ


Q: ประโยชน์โดยรวมของน้ำมันปลามีอะไรบ้าง?

A: ประโยชน์ด้านอื่นๆของน้ำมันปลามีดังนี้


 • ช่วยให้คิดไวขึ้น ความจำดี สมองสดชื่น ไม่อ่อนล้า

 • ป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์

 • ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอรไรด์ และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)

 • ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี

 • ป้องกันหลอดเลือดอุดตันจากการจับตัวของเกล็ดเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดและสมองได้

 • ช่วยลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดการอักเสบและบวมของข้อได้


Q: ใครสามารถทานน้ำมันปลาได้บ้าง?

A: น้ำมันปลาให้โอเมก้า 3 ซึ่งร่างกายเราไม่สามารถสร้างขี้นเองได้ ดังนั้นจึงสามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่างๆ


Q: ในแต่ละช่วงวัยต้องทานน้ำมันปลาเท่าไหร่ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน?

ช่วงอายุ EPA + DHA (mg) Fish Oil (mg) คิดเป็นแคปซูล

2 – 4 ปี 100 – 150 300 – 500 500 มก. 1 แคปซูล

4 – 6 ปี 150 – 200 500 – 670 500 มก. 1 แคปซูล

6 – 10 ปี 200 – 250 670 – 830 500 มก. 1- 2 แคปซูล

มากกว่า 10 ปี 250 – 2,000* 830 – 6,670 1,000 มก. 1 – 7 แคปซูล


Q: ในการรับประทานน้ำมันปลา มีข้อห้าม ข้อควรระวังหรือไม่?

A: ข้อห้าม ข้อควรระวัง ของการทานน้ำมันปลามีดังนี้:


 • ควรหลีกเลี่ยงการเสริมน้ำมันปลาในผู้ป่วยที่ได้ยาต้านเกร็ดเลือด (เช่น แอสไพริน) และยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น วาร์ฟาริน)

 • ผู้ที่แพ้อาหารทะเล มักแพ้โปรตีนจากอาหารจึงสามารถทานน้ำมันปลาได้ แต่หากมีความผิดปกติ เช่นผื่นผิวหนัง คลื่นไส้ ไม่สบายท้อง ก็ต้องหยุดทาน


Q: ในการเลือกซื้อน้ำมันปลา เราควรพิจารณาจุดใดบ้าง

A: เราควรพิจารณาจาก:


 • น้ำมันปลาที่ดีต้องมี DHA และ EPA ในสัดส่วนที่เหมาะสม คือ DHA:EPA = 1:2 หรือ 2:3

 • ใน 1,000 มก. ควรมี DHA + EPA มากกว่า 200 มก.

 • น้ำมันปลาต้องนำเข้าจากประเทศที่เป็นแหล่งของปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง

 • มีคุณภาพตามมาตรฐานของเภสัชและมาตรฐาน GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3)

 • ต้องผลิตจากโรงงานที่เชื่อถือได้ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP, BRP, และ ISO 9001



น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก. 

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา 500 มก. (ตรา กิฟฟารีน) Fish Oil 500 mg. Dietary Supplement Product (Giffarine Brand)

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล : น้ำมันปลา 500 มก. ประกอบไปด้วยกรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 90มก. กรดโดโอซาเฮกซาอีโนอิก (ดีเอชเอ) 60 มก. วิตามินอี(2.29 หน่วยสากล/กรัม)  1.53 มก.


น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก. เลขที่ อย.

น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก. ฉลากจดแจ้งเลขที่ อย.13-1-03337-5-0005.

น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก. วิธีทาน

สำหรับเด็ก ทานวันละ 1- 2 แคปซูล พร้อมอาหาร 

สำหรับ ผู้ใหญ่ ทานครั้งละ 1- 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหาร .

น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก./50 แคปซูล ราคา

ปริมาณบรรจุ: 50.00 แคปซูล น้ำหนักรวม: 65.00 กรัม จำนวน: 1 ชิ้น ราคา 240 บาท.


บริษัท ธ.ธนาโชติ อินเตอร์ แนชชั่นแนล 1977 จำกัด

รหัสสมาชิก 85021964

เก็บเงินปลายทาง

สั่งเกิน 300 บาทจัดส่งฟรี

สั่งออนไลน์ 24 ชม

สั่งออนไลน์ได้ตลอด

มั่นใจในคุณภาพสินค้า

ของแท้ 100%

มีการรับประกัน

เปลี่ยนตัวใหม่ทันที

สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Fanpage:Pregnancygiffarine

โทร:086-369-5097

แอดไลน์:@thmc

การสมัครสมาชิก

สมัครสมาชิก แบบผู้ใช้สินค้า

  • รับสิทธิ์ ส่วนลดพิเศษทันทีจากผลิตภัณฑ์2000รายการ 
  • มีโปรโมชั่นพิเศษทุกเดือน
  • สิทธิพิเศษด้านอื่นๆมากมาย

สมัครสมาชิก แบบทำออนไลน์ 

  • รายได้เสริม
  • ธุรกิจออนไลน์

สอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 086-369-5097

เว็บไซต์นี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการการวินิจฉัย รักษาหรือให้คำแนะนำทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ บริการ ข้อมูลและเนื้อหาอื่นๆ ที่มีให้บนเว็บไซต์รวมถึงข้อมูล ที่อาจปรากฎบนเว็บไซต์โดยตรงหรือโดยการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของบุคคลที่สามนั้น จัดทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น โปรดปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ เกี่ยวกับตัวเลือกการวินิจฉัย หรือการรักษาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์หรือสุขภาพ