.jpg "วิตามินเด็ก GIFFARINE น้ำมันปลา กิฟฟารีน แหล่งโอเมก้า3 มี DHA อาหารเสริมบำรุงสมอง ความจำ วิตามินบำรุงสมองความจำ มี EPA ลดการอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันสูง บำรุงหัวใจ วิตามินอี 500มก. 90แคปซูล Fish Oil")
น้ำมันปลา กิฟฟารีน แหล่งโอเมก้า3 มี DHA อาหารเสริมบำรุงสมอง ความจำ วิตามินบำรุงสมองความจำ มี EPA ลดการอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันสูง บำรุงหัวใจ วิตามินอี 500มก. 90แคปซูล Fish Oil น้ำมันปลา Fish Oil
ราคา - หมวดหมู่ วิตามินเด็ก ,อาหารเสริมผู้ใหญ่
- กลุ่มสินค้า น้ำมันปลา Fish Oil
- ยี่ห้อ GIFFARINE พีวี278PV IDGM-381
- นโยบายการคืนเงิน
- โปรโมชั่น ยอดสั่งซื้อเกิน 300 บาท จัดส่งฟรี !!
- ส่งด่วน
ไลน์สั่งซื้อ
Chat
โทรสั่งซื้อ
กลุ่มสินค้า น้ำมันปลา Fish Oil
.jpg "วิตามินเด็ก GIFFARINE น้ำมันปลา กิฟฟารีน แหล่งโอเมก้า3 มี DHA อาหารเสริมบำรุงสมอง ความจำ วิตามินบำรุงสมองความจำ มี EPA ลดการอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันสูง บำรุงหัวใจ วิตามินอี 500มก. 90แคปซูล Fish Oil")
.jpg "วิตามินเด็ก GIFFARINE น้ำมันปลา กิฟฟารีน แหล่งโอเมก้า3 มี DHA อาหารเสริมบำรุงสมอง ความจำ วิตามินบำรุงสมองความจำ มี EPA ลดการอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันสูง บำรุงหัวใจ วิตามินอี 500มก. 90แคปซูล Fish Oil")
.jpg "วิตามินเด็ก GIFFARINE น้ำมันปลา กิฟฟารีน แหล่งโอเมก้า3 มี DHA อาหารเสริมบำรุงสมอง ความจำ วิตามินบำรุงสมองความจำ มี EPA ลดการอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันสูง บำรุงหัวใจ วิตามินอี 500มก. 90แคปซูล Fish Oil")
.jpg "วิตามินเด็ก GIFFARINE น้ำมันปลา กิฟฟารีน แหล่งโอเมก้า3 มี DHA อาหารเสริมบำรุงสมอง ความจำ วิตามินบำรุงสมองความจำ มี EPA ลดการอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันสูง บำรุงหัวใจ วิตามินอี 500มก. 90แคปซูล Fish Oil")
.jpg "วิตามินเด็ก GIFFARINE น้ำมันปลา กิฟฟารีน แหล่งโอเมก้า3 มี DHA อาหารเสริมบำรุงสมอง ความจำ วิตามินบำรุงสมองความจำ มี EPA ลดการอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันสูง บำรุงหัวใจ วิตามินอี 500มก. 90แคปซูล Fish Oil")
น้ำมันปลากิฟฟารีน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา 500 มก. (ตรา กิฟฟารีน) น้ำมันปลา 500 มก. ผสมวิตามิน อี 2,080 มก. (1,200 หน่วยสากล/กรัม) เม็ดเล็ก กลืนง่าย ประกอบด้วย: กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 90 มก. กรดโดโอซาเฮกซาอีโนอิก (ดีเอชเอ) 60 มก.
น้ำมันปลา กิฟฟารีน
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันปลา ผสมวิตามิน อี น้ำมันปลาคุณภาพ สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกที่มี EPA และ DHA ครบ น้ำมันปลา 500 มก. ผสมวิตามิน อี 2,080 มก. (1,200 หน่วยสากล/กรัม) เม็ดเล็ก กลืนง่าย ประกอบด้วย: กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 90 มก. กรดโดโอซาเฮกซาอีโนอิก (ดีเอชเอ) 60 มก.
ไขความลับ ทำไม..น้ำมันปลาดีมีโประโยชน์ และนิยมมากกว่าน้ำตับปลา? ( คลิกวีดีโอรับชม )
ไขความลับ กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลา (Fish Oil) ทำไม..น้ำมันปลาดีมีโประโยชน์ และนิยมมากกว่าน้ำตับปลา? กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลามีอะไรบ้าง น้ำมันปลาดีและมีโประโยชน์ต่อทุกช่วงวัยอย่างไร ควรเลือกน้ำปลาแบบไหน : ถาม-ตอบ ข้อข้องใจเกี่ยวกับน้ำมันปลา โดย พ.ต.ท.นพ มั่น อุดมพาณิชย์.
น้ำมันปลา (Fish Oil) 500 มก. สรรพคุณ
น้ำมันปลา มีส่วนประกอบสำคัญคือ โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่จำเป็นต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย และร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง ต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น โดยโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันที่สำคัญ 2 ชนิด คือ EPA และ DHA มีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้
- ช่วยบำรุงสมอง ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง การเรียนรู้ และความจำ ป้องกันความเสื่อมของสมอง
- ช่วยให้เซลล์สมองแข็งแรง
- ช่วยให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้สะดวกขึ้น
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์สมอง
- ช่วยพัฒนาด้านการมองเห็น ป้องกันความเสื่อมของระบบสายตา
- ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้
- ช่วยลดความหนืดข้นของเลือดได้
- ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
- ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
- ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมองอุดตัน
- ช่วยลดอาการปวดอักเสบต่างๆ บรรเทาอาการข้อเสื่อม รวมทั้งข้ออักเสบรูมาตอยด์ในคนสูงอายุได้.
ประโยชน์ของน้ำมันปลาสำหรับ นักเรียนและนักศึกษา:
น้ำมันปลา (Fish Oil) ที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) โดยเฉพาะ DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) มีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพของนักเรียนและนักศึกษา โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาสมองและการเสริมสมรรถภาพทางการเรียนรู้ ซึ่งช่วยให้สามารถทำงานด้านการเรียนรู้และการจดจำได้ดีขึ้น.
1. ช่วยพัฒนาการทางสมอง
2. เสริมสร้างสมาธิและการโฟกัส
3. ลดความเครียดและความวิตกกังวล
4. ช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกาย
5. เพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูหลังจากการใช้งานสมองหนัก.
น้ำมันปลามีประโยชน์ต่อสมองและสุขภาพร่างกายของนักเรียนและนักศึกษาในหลายๆ ด้าน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ความจำ การโฟกัส และสมาธิ รวมถึงช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลอารมณ์ การบริโภคโอเมก้า-3 จากน้ำมันปลาเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้นักเรียนมีศักยภาพทางการเรียนที่ดีขึ้น.
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา 500 มก. (ตรา กิฟฟารีน) มีโอเมก้า3 DHA บำรุงสมอง-ความจำ มี EPA ลดการอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันสูง บำรุงหัวใจ ผสมวิตามิน อี 500มก. ผสมวิตามินอี 90แคปซูล Giffarine-Fish-Oil
ไขความลับ ทำไม..น้ำมันปลาดีมีโประโยชน์ และนิยมมากกว่าน้ำตับปลา? ( คลิกวีดีโอรับชม )
ไขความลับ กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลา (Fish Oil) ทำไม..น้ำมันปลาดีมีโประโยชน์ และนิยมมากกว่าน้ำตับปลา? กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลามีอะไรบ้าง น้ำมันปลาดีและมีโประโยชน์ต่อทุกช่วงวัยอย่างไร ควรเลือกน้ำปลาแบบไหน : ถาม-ตอบ ข้อข้องใจเกี่ยวกับน้ำมันปลา โดย พ.ต.ท.นพ มั่น อุดมพาณิชย์.
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำมันปลา
น้ำมันปลา เป็นน้ำมันที่สกัดได้มาจากปลา มีส่วนประกอบสำคัญคือ โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่จำเป็นต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย และร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง ต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น โดยโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันที่สำคัญ 2 ชนิด คือ EPA และ DHA
DHA (Docosahexaenoic Acid) ในน้ำมันปลา ช่วยบำรุงสมองได้อย่างไร
DHA (Docosahexaenoic Acid) ในน้ำมันปลามีบทบาทสำคัญในการบำรุงสมองและส่งเสริมการทำงานของสมองในหลายด้าน ดังนี้:
- เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์สมอง : DHA เป็นกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์สมอง ช่วยในการสร้างและรักษาโครงสร้างของเซลล์ประสาท ทำให้การส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ส่งเสริมการพัฒนาและการทำงานของสมองในเด็ก : DHA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองในช่วงตั้งครรภ์และวัยเด็ก การได้รับ DHA อย่างเพียงพอในช่วงนี้ช่วยให้สมองพัฒนาได้อย่างเต็มที่ มีผลต่อความสามารถในการเรียนรู้และความจำ
- เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และความจำ: DHA ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองในด้านความจำและการเรียนรู้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ DHA ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของเซลล์ประสาทและการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
- ป้องกันโรคทางสมอง : การบริโภค DHA อย่างเพียงพอสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางสมองเช่น โรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อม DHA ช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ประสาท
- ส่งเสริมสุขภาพจิต : DHA มีผลดีต่อสุขภาพจิต ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ การบริโภค DHA อย่างเพียงพอสามารถช่วยให้สมองและจิตใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สนับสนุนการทำงานของระบบประสาท : DHA ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาททั้งหมด ทำให้การส่งสัญญาณระหว่างสมองและส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเป็นไปอย่างราบรื่น
ในประเทศญี่ปุ่น ช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผลงานวิจัยแสดงผลอย่างชัดเจนว่าสาร DHA ในน้ำมันปลานั้นมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง ช่วยบำรุงสมองให้ทำงานดีขึ้น และเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท
การบริโภค DHA อย่างเพียงพอจากน้ำมันปลา หรือแหล่งอื่น ๆ เช่น ปลาทะเลน้ำลึก เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยบำรุงและรักษาสุขภาพสมองในทุกช่วงวัย
DHA ในน้ำมันปลา ช่วยอะไร
DHA (Docosahexaenoic Acid) เป็นกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่พบได้ในน้ำมันปลา มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ได้แก่:
- ส่งเสริมการทำงานของสมอง : DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์สมอง ช่วยในการพัฒนาสมองและการทำงานของสมองทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
- บำรุงสุขภาพตา : DHA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและการทำงานของจอประสาทตา ช่วยลดความเสี่ยงของโรคตาบางชนิด เช่น โรคตาจากอายุ (AMD)
- ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ : การบริโภค DHA สามารถลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ลดการอักเสบ : DHA มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการอักเสบในร่างกาย
- ส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก : DHA มีความสำคัญในการพัฒนาเซลล์สมองและสายตาของทารก โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์และการให้นมบุตร
- ส่งเสริมสุขภาพจิต : การบริโภค DHA อย่างเพียงพออาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ
การบริโภคน้ำมันปลาที่มี DHA เป็นประจำจึงมีผลดีต่อสุขภาพในหลายด้าน และเป็นส่วนสำคัญในการรักษาสมดุลของกรดไขมันในร่างกาย
EPA ในน้ำมันปลา ช่วยอะไร
EPA (Eicosapentaenoic Acid) เป็นกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่พบในน้ำมันปลา มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ได้แก่:
- ลดการอักเสบ : EPA มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่แข็งแรง ช่วยบรรเทาอาการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีโรคอักเสบเช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ : EPA ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจวาย
- ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง : EPA ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดสมอง
- ส่งเสริมสุขภาพจิต : การบริโภค EPA อย่างเพียงพอสามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและความเครียด บางการศึกษายังชี้ให้เห็นว่า EPA อาจมีประโยชน์ในการรักษาอาการซึมเศร้า
- ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน : EPA ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคติดเชื้อ
- ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก : การบริโภค EPA อาจช่วยในการควบคุมการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และการลดน้ำหนัก
การบริโภค EPA ที่เหมาะสมผ่านการรับประทานน้ำมันปลาหรืออาหารเสริมอื่น ๆ จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้านและสามารถเสริมสร้างการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
EPA ในน้ำมันปลาบำรุงหัวใจได้อย่างไร
EPA (Eicosapentaenoic Acid) เป็นกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่พบในน้ำมันปลา มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ
- ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี(LDL) และลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด
- เพิ่มคลเลสเตอรอลชนิดที่ดี(HDL)
- ช่วยลดความหนืดข้นของเลือดทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
- ป้องกันการเกิดตะกอนสาเหตุของหลอดเลือดตีบและอุดตัน จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้
ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ว่า น้ำมันปลา คือหนึ่งในอาหารเสริมสุขภาพที่ให้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค ให้ผลดีมากในการลดไขมันในเลือด และ ลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันสูง และโรคเบาหวาน
จากการศึกษาพบว่า น้ำมันปลาสามารถลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้ถึง 19-24% นอกจากนี้น้ำมันปลายังช่วยเพิ่มปริมาณของ HDL (High Density Lipoprotein) ซึ่งจะทำให้มีการเก็บคอเลสเตอรอลในเลือดและผนังหลอดเลือดกลับสู่ตับ และเปลี่ยนเป็นน้ำดีเพื่อขับออกนอกร่างกาย
EPA ในน้ำมันปลา ช่วยโรคข้อเสื่อมและข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ไหม
EPA ในน้ำมันปลามีคุณสมบัติที่ช่วยในการรักษาและบรรเทาอาการของโรคข้อเสื่อมและข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:
- ลดการอักเสบ : EPA เป็นกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยลดอาการอักเสบในข้อ ลดอาการบวมและปวดในผู้ที่มีโรคข้ออักเสบรูมาตอยด
- บรรเทาอาการปวด: การบริโภค EPA อย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดอาการปวดในข้อ ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
- ปรับปรุงการทำงานของข้อ: EPA ช่วยเสริมสร้างการทำงานของข้อและเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ ทำให้การเคลื่อนไหวดีขึ้นในผู้ที่มีโรคข้อเสื่อม
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: EPA มีส่วนช่วยในการปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับการอักเสบได้ดีขึ้น
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า การบริโภคน้ำมันปลาที่มี EPA สูง สามารถช่วยลดอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการลดอาการปวดและบวมในข้อ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า EPA สามารถช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของข้อในผู้ที่มีโรคข้อเสื่อมได้
จากการทดลองพบว่าน้ำมันปลาสามารถใช้เป็นอาหารเสริมร่วมกับยาที่ใช้อยู่เพื่อลดการบวมและอักเสบของข้อได้
ดังนั้น การบริโภค EPA จากน้ำมันปลาเป็นประจำจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยบรรเทาอาการและรักษาสุขภาพข้อในผู้ที่มีโรคข้อเสื่อมและข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
คำถามเกี่ยวกับน้ำมันปลา
กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลา (Fish Oil) ดีต่อสุขภาพ มีโประโยชน์ กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลามีอะไรบ้าง น้ำมันปลาดีและมีโประโยชน์ต่อทุกช่วงวัยอย่างไร ควรเลือกน้ำปลาแบบไหน : ถาม-ตอบ ข้อข้องใจเกี่ยวกับน้ำมันปลา ดังนี้
Q: โอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา แตกต่างจากโอเมก้า 6 อย่างไร?
A: โอเมก้า 3 และ 6 เป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนทั้งคู่ โดย:
• โอเมก้า 3 มักพบอยู่ในอาหารจำพวกปลาและอาหารทะเล ทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการอักเสบ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ป้องกันโรคหัวใจ ป้งอกันมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม
• โอเมก้า 6 มักพบอยู่ในน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดการอักเสบ และอาจเกิดโรคร้ายต่างๆตามมา
Q: เราสามารถได้รับโอเมก้า 3 จากแหล่งไหนได้บ้าง และมีวิธีการเลือกทานอย่างไร?
A: แหล่งของโอเมก้า 3 มีอยู่ 2 แหล่ง ดังนี้
• โอเมก้า 3 จากปลาทะเล ให้สารสำคัญในรูปของ EPA และ DHA
• โอเมก้า 3 จากพืช เช่น น้ำมันถั่วดาวอินา น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ เป็นต้น ที่ให้สารสำคัญในรูปของ ALA แนะนำในผู้ที่แพ้ปลา หรืออาหารทะเล
โดย ALA จะต้องถูกเปลี่ยนเป็น EPA และ DHA ก่อน จึงจะดูดซึมไปใช้ได้ ดังนั้นโอเมก้า 3 จากปลาทะเลจะถูกดูดซึมและนำไปใช้ได้ไวกว่า
Q: น้ำมันปลาช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้อย่างไร?
A: น้ำมันปลาช่วยลดระดับไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) และลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้
Q: น้ำมันปลาช่วยลดการอักเสบได้อย่างไร เมือเทียบกับยาต้านการอักเสบ?
A: ยาต้านอักเสบ จะไปยับยั้งขั้นตอนสุดท้ายของการอักเสบ แต่น้ำมันปลาจะไปยับยั้งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นการยับยั้งที่ต้นเหตุ จึงมีความปลอดภัยและได้ผลดีกว่า สามารถทานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องหยุดเหมือนยาต้านอักเสบ
Q: ประโยชน์อื่นๆของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา มีอะไรบ้าง?
A: ประโยชน์อื่นๆของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา มีดังนี้
• ลดภาวะซึมเศร้าได้ โดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลายเซโรโทนิน (Serotonin)
• ป้องกันและรักษาโรคกล้ามเนื้อถดถอยอ่อนแรง (Sarcopenia) ในกลุ่มผู้สูงอายุได้
• ช่วยให้มีการเรียนรู้และความทรงจำที่ดีขึ้น และมีประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ
Q: ประโยชน์โดยรวมของน้ำมันปลามีอะไรบ้าง?
A: ประโยชน์ด้านอื่นๆของน้ำมันปลามีดังนี้
• ช่วยให้คิดไวขึ้น ความจำดี สมองสดชื่น ไม่อ่อนล้า
• ป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์
• ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอรไรด์ และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
• ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี
• ป้องกันหลอดเลือดอุดตันจากการจับตัวของเกล็ดเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดและสมองได้
• ช่วยลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดการอักเสบและบวมของข้อได้
Q: ใครสามารถทานน้ำมันปลาได้บ้าง?
A: น้ำมันปลาให้โอเมก้า 3 ซึ่งร่างกายเราไม่สามารถสร้างขี้นเองได้ ดังนั้นจึงสามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่างๆ
Q: ในแต่ละช่วงวัยต้องทานน้ำมันปลาเท่าไหร่ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน?
ช่วงอายุ EPA + DHA (mg) Fish Oil (mg) คิดเป็นแคปซูล
2 – 4 ปี 100 – 150 300 – 500 500 มก. 1 แคปซูล
4 – 6 ปี 150 – 200 500 – 670 500 มก. 1 แคปซูล
6 – 10 ปี 200 – 250 670 – 830 500 มก. 1- 2 แคปซูล
มากกว่า 10 ปี 250 – 2,000* 830 – 6,670 1,000 มก. 1 – 7 แคปซูล
Q: ในการรับประทานน้ำมันปลา มีข้อห้าม ข้อควรระวังหรือไม่?
A: ข้อห้าม ข้อควรระวัง ของการทานน้ำมันปลามีดังนี้:
• ควรหลีกเลี่ยงการเสริมน้ำมันปลาในผู้ป่วยที่ได้ยาต้านเกร็ดเลือด (เช่น แอสไพริน) และยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น วาร์ฟาริน)
• ผู้ที่แพ้อาหารทะเล มักแพ้โปรตีนจากอาหารจึงสามารถทานน้ำมันปลาได้ แต่หากมีความผิดปกติ เช่นผื่นผิวหนัง คลื่นไส้ ไม่สบายท้อง ก็ต้องหยุดทาน
น้ำมันปลายี่ห้อไหนดี
แนะนำ น้ำมันปลากิฟฟารีน คัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพมาตรฐานทางเภสัชและมาตรฐาน GOED ( Global Organization For EPA and DHA Omega-3 ) ที่มีความเข้มงวดในการควบคุมปริมาณสารสำคัญและการควบคุมสารปนเปื้อนและสารตกค้างต่างๆกับสิ่งแวดล้อมเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้บริโภค
Q: ในการเลือกซื้อน้ำมันปลา เราควรพิจารณาจุดใดบ้าง
A: เราควรพิจารณาจาก:
• น้ำมันปลาที่ดีต้องมี DHA และ EPA ในสัดส่วนที่เหมาะสม คือ DHA:EPA = 1:2 หรือ 2:3
• ใน 1,000 มก. ควรมี DHA + EPA มากกว่า 200 มก.
• น้ำมันปลาต้องนำเข้าจากประเทศที่เป็นแหล่งของปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง
• มีคุณภาพตามมาตรฐานของเภสัชและมาตรฐาน GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3)
• ต้องผลิตจากโรงงานที่เชื่อถือได้ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP, BRP, และ ISO 9001.
น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก. เลขที่ อย.
ฉลากจดแจ้ง อย. เลขที่ 13-1-03337-5-0005
น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก. วิธีทาน
- สำหรับเด็ก ทานวันละ 1- 2 แคปซูล พร้อมอาหาร
- สำหรับ ผู้ใหญ่ ทานครั้งละ 1- 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหาร .
น้ำมันปลา กิฟฟารีน 500 มก./90 แคปซูล ราคา
ปริมาณบรรจุ: 50.00 แคปซูล น้ำหนักรวม: 65.00 กรัม จำนวน: 1 ชิ้น ราคา 370 บาท.
บริษัท ธ.ธนาโชติ อินเตอร์ แนชชั่นแนล 1977 จำกัด
รหัสสมาชิก 85021964
เก็บเงินปลายทาง
สั่งเกิน 300 บาทจัดส่งฟรี
สั่งออนไลน์ 24 ชม
สั่งออนไลน์ได้ตลอด
มั่นใจในคุณภาพสินค้า
ของแท้ 100%
มีการรับประกัน
เปลี่ยนตัวใหม่ทันที
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage:Pregnancygiffarine
โทร:086-369-5097
แอดไลน์:@thmc
การสมัครสมาชิก
สมัครสมาชิก แบบผู้ใช้สินค้า
- รับสิทธิ์ ส่วนลดพิเศษทันทีจากผลิตภัณฑ์2000รายการ
- มีโปรโมชั่นพิเศษทุกเดือน
- สิทธิพิเศษด้านอื่นๆมากมาย
สมัครสมาชิก แบบทำออนไลน์
- รายได้เสริม
- ธุรกิจออนไลน์
สอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 086-369-5097
เว็บไซต์นี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการการวินิจฉัย รักษาหรือให้คำแนะนำทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ บริการ ข้อมูลและเนื้อหาอื่นๆ ที่มีให้บนเว็บไซต์รวมถึงข้อมูล ที่อาจปรากฎบนเว็บไซต์โดยตรงหรือโดยการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของบุคคลที่สามนั้น จัดทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น โปรดปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ เกี่ยวกับตัวเลือกการวินิจฉัย หรือการรักษาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์หรือสุขภาพ
