น้ำมันปลากิฟฟารีน โอเมก้า3 มี EPA ลดการอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันสูง บำรุงหัวใจ มี DHA วิตามินบำรุงสมองความจำ วิตามินอี 1,000มก. 90แคปซูล Fish Oil Giffarine น้ำมันปลา Fish Oil

น้ำมันปลา กิฟฟารีน ผสมวิตามิน อี น้ำมันปลา (ขนาด 1,000 มก. บรรจุ 90 แคปซูล) Giffarine Fish Oil Mixed Vitamin E 

น้ำมันปลา 1,000 มก. ผสมวิตามิน อี 4,160 มก. (1,200 หน่วยสากล/กรัม) ประกอบด้วย: กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 180 มก. กรดโดโอซาเฮกซาอีโนอิก (ดีเอชเอ) 120 มก.

 น้ำมันปลากิฟฟารีน มีโอเมก้า3 มี EPA ลดการอักเสบข้อเข่าเสื่อม ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันสูง บำรุงหัวใจและหลอดเลือด มี DHA บำรุงสมองความจำ บำรุงสายตา  น้ำมันปลาผสม วิตามินอี 1,000มก. 90แคปซูล Fish Oil Giffarine.

ไขความลับ ทำไม..น้ำมันปลาดีมีโประโยชน์ และนิยมมากกว่าน้ำตับปลา? ( คลิกวีดีโอรับชม ) 

ไขความลับ กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลา (Fish Oil) ทำไม..น้ำมันปลาดีมีโประโยชน์ และนิยมมากกว่าน้ำตับปลา? กรดไขมันจำเป็นในน้ำมันปลามีอะไรบ้าง น้ำมันปลาดีและมีโประโยชน์ต่อทุกช่วงวัยอย่างไร ควรเลือกน้ำปลาแบบไหน : ถาม-ตอบ ข้อข้องใจเกี่ยวกับน้ำมันปลา โดย พ.ต.ท.นพ มั่น อุดมพาณิชย์. 

น้ำมันปลา (Fish Oil) 1000 มก. สรรพคุณ

น้ำมันปลา มีส่วนประกอบสำคัญคือ โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่จำเป็นต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย และร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง ต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น โดยโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันที่สำคัญ 2 ชนิด คือ EPA และ DHA มีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้

1. ช่วยบำรุงสมอง ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง การเรียนรู้ และความจำ ป้องกันความเสื่อมของสมอง
2. ช่วยให้เซลล์สมองแข็งแรง
3. ช่วยให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้สะดวกขึ้น
4. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์สมอง
5.  ช่วยพัฒนาด้านการมองเห็น ป้องกันความเสื่อมของระบบสายตา 
6. ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด
7. ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้
8. ช่วยลดความหนืดข้นของเลือดได้
9. ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
10. ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น 
11. ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมองอุดตัน
12. ช่วยลดอาการปวดอักเสบต่างๆ บรรเทาอาการข้อเสื่อม รวมทั้งข้ออักเสบรูมาตอยด์ในคนสูงอายุได้.

น้ำมันปลาเหมาะกับใครบ้าง?

น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) โดยเฉพาะ EPA (Eicosapentaenoic Acid) และ DHA (Docosahexaenoic Acid) ประโยชน์ต่อสุขภาพ ของน้ำมันปลาในแต่ละช่วงวัย มีดังนี้

ประโยชน์น้ำมันปลาสำหรับทารกและสตรีมีครรภ์ :

น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) โดยเฉพาะ EPA (Eicosapentaenoic Acid) และ DHA (Docosahexaenoic Acid) ซึ่งมีประโยชน์ต่อการพัฒนาร่างกายและสมองของทารก รวมถึงช่วยสนับสนุนสุขภาพของสตรีมีครรภ์

1. ประโยชน์น้ำมันปลาสำหรับทารก

1. ช่วยพัฒนาการสมองและระบบประสาท
2. ช่วยให้ทารกมีพัฒนาการทางสมองที่ดี โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอดที่สมองมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
3. ช่วยพัฒนาการสายตา
4. ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการมองเห็นให้ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกเกิด
5. ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในทารก ลดการติดเชื้อในเด็ก
6. ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านพฤติกรรมและอารมณ์
7. ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์ และช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาพฤติกรรมในอนาคต

2. ประโยชน์น้ำมันปลาสำหรับสตรีมีครรภ์

1. เสริมสร้างพัฒนาการสมองของทารกในครรภ์
2. มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองของทารกตั้งแต่ในครรภ์
3. ป้องกันภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
4. ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression)
5. ลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด
6. ช่วยให้ทารกมีโอกาสเติบโตเต็มที่ก่อนการคลอด
7. บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
8. ช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ ทำให้สตรีมีครรภ์มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลดลง
9. ช่วยในการควบคุมระดับไขมันในเลือด.

น้ำมันปลาสำหรับสตรีมีครรภ์ทานได้ไหม?

คำแนะนำ : สตรีมีครรภ์ที่ไม่สามารถรับประทานปลาหรือน้ำมันปลา อาจเลือกทานผลิตภัณฑ์เสริมน้ำมันปลาหรืออาหารที่เสริมโอเมก้า-3 ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อให้ได้รับปริมาณที่เหมาะสม.

 การบริโภคน้ำมันปลาทั้งในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดจึงเป็นการสนับสนุนสุขภาพทั้งแม่และทารก ช่วยในการพัฒนาสมอง สายตา และระบบประสาทของทารก ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพต่าง ๆ ในสตรีมีครรภ์.

ประโยชน์ของน้ำมันปลาสำหรับ นักเรียนและนักศึกษา:

น้ำมันปลา (Fish Oil) ที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) โดยเฉพาะ DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) มีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพของนักเรียนและนักศึกษา โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาสมองและการเสริมสมรรถภาพทางการเรียนรู้ ซึ่งช่วยให้สามารถทำงานด้านการเรียนรู้และการจดจำได้ดีขึ้น.

1. ช่วยพัฒนาการทางสมอง
2. เสริมสร้างสมาธิและการโฟกัส
3. ลดความเครียดและความวิตกกังวล
4. ช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกาย
5. เพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูหลังจากการใช้งานสมองหนัก.

 น้ำมันปลามีประโยชน์ต่อสมองและสุขภาพร่างกายของนักเรียนและนักศึกษาในหลายๆ ด้าน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ความจำ การโฟกัส และสมาธิ รวมถึงช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลอารมณ์ การบริโภคโอเมก้า-3 จากน้ำมันปลาเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้นักเรียนมีศักยภาพทางการเรียนที่ดีขึ้น.

ประโยชน์ของน้ำมันปลาสำหรับทำงาน

น้ำมันปลา (Fish Oil) ที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 โดยเฉพาะ DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้านสำหรับคนวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับความเครียดจากการทำงานและภาระหน้าที่ต่าง ๆ การบริโภคน้ำมันปลาสามารถช่วยเสริมสุขภาพและสมรรถภาพในการทำงานได้ ดังนี้:

1. เสริมสร้างการทำงานของสมองและความจำ

2. ลดความเครียดและเสริมสุขภาพจิต

3. บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

4. เสริมพลังงานและลดอาการเหนื่อยล้า

5. เสริมสร้างสุขภาพตาและการมองเห็น

6. ส่งเสริมการนอนหลับที่ดีขึ้น

7. เสริมภูมิคุ้มกัน.

 การบริโภคน้ำมันปลามีประโยชน์หลากหลายสำหรับคนวัยทำงาน ช่วยเสริมการทำงานของสมอง ลดความเครียด บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ลดการอักเสบของร่างกาย รวมถึงช่วยให้มีพลังงานและสมาธิในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยในการบำรุงสายตาและส่งเสริมการนอนหลับที่ดี ทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว.

ประโยชน์ของน้ำมันปลา สำหรับวัยผู้สูงอายุ

น้ำมันปลา (Fish Oil) ที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) มีประโยชน์อย่างมากสำหรับวัยผู้สูงอายุ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการบำรุงสมอง ลดการอักเสบ และส่งเสริมสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของร่างกายที่มักเกิดขึ้นตามอายุ

1. เสริมสร้างสมองและความจำ

2. บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

3. ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดข้อ

4. เสริมสร้างสุขภาพตา

5. ส่งเสริมสุขภาพจิตและอารมณ์

6. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

7. เสริมการนอนหลับที่ดีขึ้น.

 น้ำมันปลามีประโยชน์หลากหลายสำหรับผู้สูงอายุ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด บรรเทาอาการปวดข้อและลดการอักเสบ รวมถึงช่วยบำรุงสายตาและส่งเสริมสุขภาพจิตและการนอนหลับที่ดี นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ผู้สูงอายุสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาว.

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำมันปลา

น้ำมันปลา เป็นน้ำมันที่สกัดได้มาจากปลา มีส่วนประกอบสำคัญคือ โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่จำเป็นต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย และร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง ต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น โดยโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันที่สำคัญ 2 ชนิด คือ EPA และ DHA.

กรดไขมัน EPA (Eicosapentaenoic Acid) สรรพคุณเกี่ยวกับบำรุง หลอดเลือดหัวใจ ลดอาการปวดข้อเข่าเสื่อม

 • มีส่วนช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้

 • ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมองอุดตัน

 • ช่วยลดอาการปวดอักเสบต่างๆ บรรเทาอาการข้อเสื่อม รวมทั้งข้ออักเสบรูมาตอยด์ในคนสูงอายุได้.

กรดไขมัน DHA (Docosahexaenoic Acid) สรรพคุณเกี่ยวกับบำรุงสมอง

 • ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง การเรียนรู้ และความจำ ป้องกันความเสื่อมของสมอง

 • ช่วยให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้สะดวกขึ้น จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์สมอง

 • ช่วยพัฒนาด้านการมองเห็น ป้องกันความเสื่อมของระบบสายตา จึงมีประโยชน์ในผู้ที่ทำงานใช้สายตาหนักเป็นประจำ.

น้ำมันปลา มีประโยชน์อย่างไร

ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ว่า น้ำมันปลา คือหนึ่งในอาหารเสริมสุขภาพที่ให้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค ให้ผลดีมากในการลดไขมันในเลือด และ ลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันสูง และโรคเบาหวาน

จากการศึกษาพบว่า น้ำมันปลาสามารถลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้ถึง 19-24% นอกจากนี้น้ำมันปลายังช่วยเพิ่มปริมาณของ HDL (High Density Lipoprotein) ซึ่งจะทำให้มีการเก็บคอเลสเตอรอลในเลือดและผนังหลอดเลือดกลับสู่ตับ และเปลี่ยนเป็นน้ำดีเพื่อขับออกนอกร่างกาย

 • จากการทดลองพบว่าน้ำมันปลาสามารถใช้เป็นอาหารเสริมร่วมกับยาที่ใช้อยู่เพื่อลดการบวมและอักเสบของข้อได้

 • น้ำมันปลาช่วยในโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน (Coronary Heart Disease) โดยกลไกของการจับตัวของเกร็ดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนคล่องขึ้น

 • สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้บางชนิด

 • ช่วยลดความเครียด

ในประเทศญี่ปุ่น ช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผลงานวิจัยแสดงผลอย่างชัดเจนว่าสาร DHA ในน้ำมันปลานั้นมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง ช่วยบำรุงสมองให้ทำงานดีขึ้น และเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท.

คำถามเกี่ยวกับน้ำมันปลา

Q: โอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา แตกต่างจากโอเมก้า 6 อย่างไร?

A: โอเมก้า 3 และ 6 เป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนทั้งคู่ โดย:

 • โอเมก้า 3 มักพบอยู่ในอาหารจำพวกปลาและอาหารทะเล ทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการอักเสบ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ป้องกันโรคหัวใจ ป้งอกันมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม

 • โอเมก้า 6 มักพบอยู่ในน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดการอักเสบ และอาจเกิดโรคร้ายต่างๆตามมา.

Q: เราสามารถได้รับโอเมก้า 3 จากแหล่งไหนได้บ้าง และมีวิธีการเลือกทานอย่างไร?

A: แหล่งของโอเมก้า 3 มีอยู่ 2 แหล่ง ดังนี้

 • โอเมก้า 3 จากปลาทะเล ให้สารสำคัญในรูปของ EPA และ DHA

 • โอเมก้า 3 จากพืช เช่น น้ำมันถั่วดาวอินา น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ เป็นต้น ที่ให้สารสำคัญในรูปของ ALA แนะนำในผู้ที่แพ้ปลา หรืออาหารทะเล
โดย ALA จะต้องถูกเปลี่ยนเป็น EPA และ DHA ก่อน จึงจะดูดซึมไปใช้ได้ ดังนั้นโอเมก้า 3 จากปลาทะเลจะถูกดูดซึมและนำไปใช้ได้ไวกว่า.

Q: น้ำมันปลาช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้อย่างไร?

A: น้ำมันปลาช่วยลดระดับไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) และลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้.

Q: น้ำมันปลาช่วยลดการอักเสบได้อย่างไร เมือเทียบกับยาต้านการอักเสบ?

A: ยาต้านอักเสบ จะไปยับยั้งขั้นตอนสุดท้ายของการอักเสบ แต่น้ำมันปลาจะไปยับยั้งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นการยับยั้งที่ต้นเหตุ จึงมีความปลอดภัยและได้ผลดีกว่า สามารถทานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องหยุดเหมือนยาต้านอักเสบ.

Q: ประโยชน์อื่นๆของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา มีอะไรบ้าง?

A: ประโยชน์อื่นๆของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา มีดังนี้

 • ลดภาวะซึมเศร้าได้ โดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลายเซโรโทนิน (Serotonin)

 • ป้องกันและรักษาโรคกล้ามเนื้อถดถอยอ่อนแรง (Sarcopenia) ในกลุ่มผู้สูงอายุได้

 • ช่วยให้มีการเรียนรู้และความทรงจำที่ดีขึ้น และมีประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ.

Q: ประโยชน์โดยรวมของน้ำมันปลามีอะไรบ้าง?

A: ประโยชน์ด้านอื่นๆของน้ำมันปลามีดังนี้

 • ช่วยให้คิดไวขึ้น ความจำดี สมองสดชื่น ไม่อ่อนล้า

 • ป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์

 • ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอรไรด์ และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)

 • ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี

 • ป้องกันหลอดเลือดอุดตันจากการจับตัวของเกล็ดเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดและสมองได้

 • ช่วยลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดการอักเสบและบวมของข้อได้.

Q: ใครสามารถทานน้ำมันปลาได้บ้าง?

A: น้ำมันปลาให้โอเมก้า 3 ซึ่งร่างกายเราไม่สามารถสร้างขี้นเองได้ ดังนั้นจึงสามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่างๆ.


Q: ในแต่ละช่วงวัยต้องทานน้ำมันปลาเท่าไหร่ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน?

ช่วงอายุ EPA + DHA (mg) Fish Oil (mg) คิดเป็นแคปซูล

2 – 4 ปี 100 – 150 300 – 500 500 มก. 1 แคปซูล

4 – 6 ปี 150 – 200 500 – 670 500 มก. 1 แคปซูล

6 – 10 ปี 200 – 250 670 – 830 500 มก. 1- 2 แคปซูล

มากกว่า 10 ปี 250 – 2,000* 830 – 6,670 1,000 มก. 1 – 7 แคปซูล.

Q: ในการรับประทานน้ำมันปลา มีข้อห้าม ข้อควรระวังหรือไม่?

A: ข้อห้าม ข้อควรระวัง ของการทานน้ำมันปลามีดังนี้:

 • ควรหลีกเลี่ยงการเสริมน้ำมันปลาในผู้ป่วยที่ได้ยาต้านเกร็ดเลือด (เช่น แอสไพริน) และยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น วาร์ฟาริน)

 • ผู้ที่แพ้อาหารทะเล มักแพ้โปรตีนจากอาหารจึงสามารถทานน้ำมันปลาได้ แต่หากมีความผิดปกติ เช่นผื่นผิวหนัง คลื่นไส้ ไม่สบายท้อง ก็ต้องหยุดทาน.

Q: ในการเลือกซื้อน้ำมันปลา เราควรพิจารณาจุดใดบ้าง

A: เราควรพิจารณาจาก:

 • น้ำมันปลาที่ดีต้องมี DHA และ EPA ในสัดส่วนที่เหมาะสม คือ DHA:EPA = 1:2 หรือ 2:3

 • ใน 1,000 มก. ควรมี DHA + EPA มากกว่า 200 มก.

 • น้ำมันปลาต้องนำเข้าจากประเทศที่เป็นแหล่งของปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง

 • มีคุณภาพตามมาตรฐานของเภสัชและมาตรฐาน GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3)

 • ต้องผลิตจากโรงงานที่เชื่อถือได้ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP, BRP, และ ISO 9001.

น้ำมันปลา กิฟฟารีน 1000 มก. 

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา 1000 มก. (ตรา กิฟฟารีน) น้ำมันปลา 1000 มก. ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล : น้ำมันปลา 1000 มก. ประกอบไปด้วย

1. กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 180 มก.
2. กรดโดโอซาเฮกซาอีโนอิก (ดีเอชเอ) 120 มก. วิตามินอี(4.58 หน่วยสากล/กรัม) 3.06 มก.

น้ำมันปลา กิฟฟารีน 1000 มก.

น้ำมันปลา กิฟฟารีน ฉลากจดแจ้ง อย. เลขที่ 13-1-03337-5-0004.

น้ำมันปลา กิฟฟารีน 1000 มก. วิธีทาน

น้ำมันปลา 1000 มก. กิฟฟารีน ทาน ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหาร .

น้ำมันปลา กิฟฟารีน 1000 มก. 90.00 แคปซูล ราคา

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา 1000 มก. (ตรา กิฟฟารีน) 

ปริมาณบรรจุ: 90.00 แคปซูล น้ำหนักรวม: 160.00 กรัม จำนวน: 1 ชิ้น ราคา 640 บาท.